ก่อนลดความอ้วน ต้องรู้เรื่องจุลินทรีย์
จุลินทรีย์ในร่างกายเรา โดยเฉพาะในลำไส้ มีทั้งชนิดที่มีประโยชน์และมีโทษและก็ตัวกลางๆ ที่ไม่ทำร้ายและไม่ให้ประโยชน์ และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อเปลี่ยนข้างได้
ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ มันก็ประมาณว่า พรรคการเมืองขนาดกลาง ที่รอดูว่าฝ่ายไหนชนะก็จะเข้ากับฝ่ายนั้น..ทำนองนั้น โดยมันจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของมันและ Mutant ไปเพื่อความอยู่รอด ทำให้ฝ่ายที่มีจำนวนมากกว่ายิ่งมีจำนวนมากขึ้น* (ดร.ไช่อิงเจีย)
ทีนี้ ...ความจริงที่น่าประหลาดก็คือ ร่างกายมนุษย์ ส่วนที่เป็นเซลของเราเองทั้งร่างกายนั้นมีอยู่ไม่ถึง 20 % (มนุษย์คือส่วนประกอบของจุลินทรีย์) ที่เหลืออยู่ราวๆกว่า 80 % เป็นจุลินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ประกอบตัวเป็นกลุ่มเนื้อเยื่อ ของเหลว อยู่ในอวัยวะต่างๆ
แล้วจุลินทรีย์ทั้งสามแบบ มันต้องการอาหารแบบไหน ? ก่อนจะเฉลยขอขยายความอีกนิดว่า จุลินทรีย์ ทั้ง 3 แบบนั้น ก็อยู่ร่วมกันในร่างกายคนเรา คนมีสุขภาพดี รวมทั้งควบคุมอารมณ์ได้ดี พวกเขามักจะมี จุตัวดีๆ อยู่เยอะ เป็นอาณาจักรที่เข้มแข็ง ซึ่งจุตัวเลวซึ่งมีน้อยกว่าก็จะไม่สามารถแสดงอิทธิพลได้มากนัก (ขอใช้คำว่าจุแทนจุลินทรีย์ครับ)
จุตัวดีนั้น ต้องการสารอาหารที่สมดุลย์ เมื่อสภาพร่างกายสมดุลย์พวกมันจะแฮปปี้ มันจึงส่งสัญญานด้วยสารเคมีล่องลอยไปกับฮอร์โมนต่างๆ ไหลเวียนในกระแสเลือด และด้วยฮอร์โมนนี้เองที่ทำให้คนบางคนชอบกินผัก ผลไม้ และไม่ชอบกินน้ำตาลหรืออาหารที่แคลเลอรี่สูงจนเกินไป
ส่วนจุตัวร้าย มันต้องการสารอาหารตรงกันข้ามกับตัวดี มันชอบไขมัน ของหวาน ของทอด แป้งเยอะๆ แคลเลอรี่สูงๆ พวกมันไม่ชอบผัก ผลไม้ และอาหารประเภท พรีไบโอติก ซึ่งเป็นอาหารอย่างหนึ่งของโปรไบโอติก (หนึ่งในจุตัวดีในลำไส้) มันจึงร่วมกันผลิตสารเคมีส่งสัญญานไปกับฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย
ทีนี้เห็นกระบวนการ ที่ทำให้คนเรามีพฤติกรรมการกินต่างกันหรือยังครับ... นั่นคือเหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คนบางคนชอบกินอาหารที่ทำให้อ้วน เขาจึงอ้วน และคนบางคนชอบกินอาหารที่ไม่อ้วน เขาจึงรูปร่างดี
และถ้า จุตัวร้าย มันเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ จากการตามใจปากและนวัตกรรมปรุงรสชาติอาหารของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเนย นม บิงซู เครป ไก่ทอด กินเข้าไปมากๆ อย่างต่อเนื่องๆ จุตัวร้ายก็จะยิ่งเข้มแข็งและเริ่มรุกล้ำอาณาจักร ของจุตัวดี ... และยังมีจุตัวกลาง ที่ร่วมผสมโรง ซึ่งคอนเซปของมันคือจะร่วมกับข้างชนะและเปลี่ยนตัวเองเป็นพวกนั้นด้วย ....
จุตัวร้าย ทำให้ระดับความสามารถในการประมวลผลของสมองที่ 2 (สมองที่2คือระบบเส้นประสาทในกระเพาะลำไส้) เกิดความแปรปรวนด้วย อย่าลืมว่าจุตัวร้ายมันชอบสภาพที่ยุ่งเหยิงและขัดแย้ง มันอาจจะหาตังค์ เอ้ยหาของกินได้ง่าย เพราะจุตัวดีมันเซนซิทิฟต่อสภาพแบบนี้มันเลยอ่อนแอและลดจำนวนลง
การแพทย์องค์รวมสมัยใหม่ จึงเห็นความสัมพันธ์ของ โรคลำไส้แปรปรวน โรคซึมเศร้า ความอ้วน ความผอม พฤติกรรมขี้วีน ก้าวร้าว หรือใจเย็น มีส่วนสัมพันธ์กับจุในลำไส้ (แน่นอนมีเรื่องกรรมพันธ์ เรื่องสิ่งแวดล้อม ลักษณะนิสัยเกี่ยวข้องด้วย) คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีล้วนมีจุดีอยุ่มาก
ความอ้วนในคนเรา นอกจากจุลินทรีย์และการกินจุแล้ว แล้วยังมีเรื่องระดับการเผาผลาญ พันธุกรรม และ พฤติกรรมอีกด้วย แต่การเริ่มต้นลดความอ้วนอย่างง่ายๆ ควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูลให้ดี และ เริ่มต้นจากพื้นฐานที่ง่ายๆที่เห็นผลได้ง่ายๆก่อน
คุณต้องเพิ่มจุตัวดีก่อน แล้วก็เริ่มทำในสิ่งที่ควรทำ ซึ่งท่านทั้งหลายก็รู้ดีอยู่แล้ว เช่นออกกำลัง เลี่ยงอาหารแคลเลอรี่สูง ฯลฯ บราๆๆๆ
และเพื่อให้หายจากโรคอ้วน การใช้ตัวช่วย อาจเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าต้องการตัวช่วย อย่าใช้ยาลดความอ้วนที่ไปกดความหิวในระบบประสาทอย่างเด็ดขาด มันอาจได้ผลไว แต่คุณก็จะตายไวด้วย ห้ามใช้ยาที่ออกฤทธิ์กับระบบประสาทเพื่อเร่งระบบเผาผลาญ ถ้าถ้าสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น กาแฟหรือสารสกัดธรรมชาติอื่นๆย่อมใช้ได้ และ ไม่ควรใช้สารที่ดักจับไขมันและแป้งอย่างสิ้นเชิง ควรต้องเป็นสารดักจับซัก 70-80% หรือดักจับแล้วส่วนที่เหลือต้องๆค่อยๆปล่อยออกมา
เพราะถ้าสารดักจับไม่มี คสบ.แบบนั้นมันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณไม่สมดุลย์ ทำให้หัวร้อนได้ง่ายๆ และยังโง่ลงอีกด้วย...เพราะร่างกายคนเรายังต้องการไขมันและน้ำตาลในการดำรงชีพอยู่นะครับ
เราสนใจ และค้นคว้าหาความรู้เพิ่ม ให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา คุณอาจหาซื้อผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อใดก็ได้ แต่ขอให้ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเองด้วย อยากหุ่นดีถาวรต้องใจเย็นๆ ความปลอดภัยสำคัญกว่าความเร็ว...
จุลินทรีย์ในร่างกายเรา โดยเฉพาะในลำไส้ มีทั้งชนิดที่มีประโยชน์และมีโทษและก็ตัวกลางๆ ที่ไม่ทำร้ายและไม่ให้ประโยชน์ และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อเปลี่ยนข้างได้
ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ มันก็ประมาณว่า พรรคการเมืองขนาดกลาง ที่รอดูว่าฝ่ายไหนชนะก็จะเข้ากับฝ่ายนั้น..ทำนองนั้น โดยมันจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของมันและ Mutant ไปเพื่อความอยู่รอด ทำให้ฝ่ายที่มีจำนวนมากกว่ายิ่งมีจำนวนมากขึ้น* (ดร.ไช่อิงเจีย)
ทีนี้ ...ความจริงที่น่าประหลาดก็คือ ร่างกายมนุษย์ ส่วนที่เป็นเซลของเราเองทั้งร่างกายนั้นมีอยู่ไม่ถึง 20 % (มนุษย์คือส่วนประกอบของจุลินทรีย์) ที่เหลืออยู่ราวๆกว่า 80 % เป็นจุลินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ประกอบตัวเป็นกลุ่มเนื้อเยื่อ ของเหลว อยู่ในอวัยวะต่างๆ
แล้วจุลินทรีย์ทั้งสามแบบ มันต้องการอาหารแบบไหน ? ก่อนจะเฉลยขอขยายความอีกนิดว่า จุลินทรีย์ ทั้ง 3 แบบนั้น ก็อยู่ร่วมกันในร่างกายคนเรา คนมีสุขภาพดี รวมทั้งควบคุมอารมณ์ได้ดี พวกเขามักจะมี จุตัวดีๆ อยู่เยอะ เป็นอาณาจักรที่เข้มแข็ง ซึ่งจุตัวเลวซึ่งมีน้อยกว่าก็จะไม่สามารถแสดงอิทธิพลได้มากนัก (ขอใช้คำว่าจุแทนจุลินทรีย์ครับ)
ส่วนจุตัวร้าย มันต้องการสารอาหารตรงกันข้ามกับตัวดี มันชอบไขมัน ของหวาน ของทอด แป้งเยอะๆ แคลเลอรี่สูงๆ พวกมันไม่ชอบผัก ผลไม้ และอาหารประเภท พรีไบโอติก ซึ่งเป็นอาหารอย่างหนึ่งของโปรไบโอติก (หนึ่งในจุตัวดีในลำไส้) มันจึงร่วมกันผลิตสารเคมีส่งสัญญานไปกับฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย
ทีนี้เห็นกระบวนการ ที่ทำให้คนเรามีพฤติกรรมการกินต่างกันหรือยังครับ... นั่นคือเหตุผลอีกข้อหนึ่งที่ทำให้คนบางคนชอบกินอาหารที่ทำให้อ้วน เขาจึงอ้วน และคนบางคนชอบกินอาหารที่ไม่อ้วน เขาจึงรูปร่างดี
จุตัวร้าย ทำให้ระดับความสามารถในการประมวลผลของสมองที่ 2 (สมองที่2คือระบบเส้นประสาทในกระเพาะลำไส้) เกิดความแปรปรวนด้วย อย่าลืมว่าจุตัวร้ายมันชอบสภาพที่ยุ่งเหยิงและขัดแย้ง มันอาจจะหาตังค์ เอ้ยหาของกินได้ง่าย เพราะจุตัวดีมันเซนซิทิฟต่อสภาพแบบนี้มันเลยอ่อนแอและลดจำนวนลง
ความอ้วนในคนเรา นอกจากจุลินทรีย์และการกินจุแล้ว แล้วยังมีเรื่องระดับการเผาผลาญ พันธุกรรม และ พฤติกรรมอีกด้วย แต่การเริ่มต้นลดความอ้วนอย่างง่ายๆ ควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูลให้ดี และ เริ่มต้นจากพื้นฐานที่ง่ายๆที่เห็นผลได้ง่ายๆก่อน
คุณต้องเพิ่มจุตัวดีก่อน แล้วก็เริ่มทำในสิ่งที่ควรทำ ซึ่งท่านทั้งหลายก็รู้ดีอยู่แล้ว เช่นออกกำลัง เลี่ยงอาหารแคลเลอรี่สูง ฯลฯ บราๆๆๆ
และเพื่อให้หายจากโรคอ้วน การใช้ตัวช่วย อาจเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าต้องการตัวช่วย อย่าใช้ยาลดความอ้วนที่ไปกดความหิวในระบบประสาทอย่างเด็ดขาด มันอาจได้ผลไว แต่คุณก็จะตายไวด้วย ห้ามใช้ยาที่ออกฤทธิ์กับระบบประสาทเพื่อเร่งระบบเผาผลาญ ถ้าถ้าสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น กาแฟหรือสารสกัดธรรมชาติอื่นๆย่อมใช้ได้ และ ไม่ควรใช้สารที่ดักจับไขมันและแป้งอย่างสิ้นเชิง ควรต้องเป็นสารดักจับซัก 70-80% หรือดักจับแล้วส่วนที่เหลือต้องๆค่อยๆปล่อยออกมา
เพราะถ้าสารดักจับไม่มี คสบ.แบบนั้นมันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณไม่สมดุลย์ ทำให้หัวร้อนได้ง่ายๆ และยังโง่ลงอีกด้วย...เพราะร่างกายคนเรายังต้องการไขมันและน้ำตาลในการดำรงชีพอยู่นะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น